ตรีนุช สั่งดูแลเข้ม ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน สกัดนักสูบหน้าใหม่ หลังพบเยาวชนหน้าใหม่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ลั่นอย่าคิดว่าเท่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยหลังจากที่มีกระแสบุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชนและเด็ก และพบว่ามีผู้สูบหน้าใหม่ทั้งชาย-หญิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ว่า ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าได้เข้าถึงกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีแล้ว โดยมีนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมเงินกันซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาแบ่งกันสูบถึง 20 คน ด้วยความอยากรู้อยากลอง
เด็กๆ หลายคนอาจมองว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเท่
มีรูปลักษณ์สวยงาม ซื้อหาง่าย ทั้งๆ ที่บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นภัยร้ายที่จะนำไปสู่การเสพติดนิโคตินระยะยาว และเป็นการเปิดประตูสู่การสูบบุหรี่ธรรมดา และอาจนำไปสู่การเสพติดสิ่งเสพติดอื่นๆ ได้ง่าย ดังนั้น จึงได้สั่งการไปยังต้นสังกัดของสถานศึกษาทั้งรัฐและเอกชนทุกแห่งให้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยที่มาจากบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา โดยยึดกฎระเบียบเช่นเดียวกับการห้ามสูบบุหรี่ธรรมดา และต้องตรวจตราอย่างเคร่งครัดด้วย
“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเข้มงวด กวดขัน เคร่งครัด และป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ขณะนี้เด็กๆ หลายคนยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย ซึ่งการดำเนินการห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาสามารถทำได้ทันที โดยอ้างอิงประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาตามความ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 ที่ได้กำหนดให้โรงเรียน หรือสถานศึกษาเป็นสถานที่สาธารณะต้องเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด” นาง ตรีนุช กล่าว
ที่ผ่านมา ศธ.ก็ได้มีการกำหนดนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ ให้สถานศึกษาบริหารจัดการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ จัดสภาพแวดล้อมให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ สอดแทรกเรื่องบุหรี่ในการจัดการเรียนรู้ ให้นักเรียนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโรงเรียนปลอดบุหรี่ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเพิ่มนโยบายเรื่องให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปด้วยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปสู่วงจรนักสูบหน้าใหม่ และช่วยป้องกันรักษาสุขภาพของเด็กๆได้
มนุษย์เราความรักโลภโกรธหลงเนี่ยมันจะไม่เท่ากัน แรมโบ้เขารักพลเอกประยุทธ์ ผมไม่ได้รักพลเอกประยุทธ์ด้วย นี่ก็เป็นความรู้สึกเฉพาะตัวของมนุษย์ หมายความว่า ผมไม่ต้องการจะบอกว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แม้ว่าเคยรู้จักกันในบางเวลา เห็นเหมือนกัน แต่บางเวลาก็เห็นต่างกัน ก็เป็นสัจธรรมหนึ่งว่า วันที่แรมโบ้ไปอยู่กับพลเอกประยุทธ์ ผมก็อยู่ตรงข้ามกับพลเอกประยุทธ์ แต่ผมไม่มีเรื่องส่วนตัวใดๆกับพลเอกประยุทธ์ และแรมโบ้
มันอยู่ที่มุมมอง และเป็นหน้าที่ของแรมโบ้เอง ต้องตอบคำถามนี้ แต่มุมของผม ปมไม่ไปกับพลเอกประยุทธ์ และก็ต่อต้านพลเอกประยุทธ์ ช่วงพลเอกประยุทธ์ผมติดคุกมาแล้ว 3 รอบนะ
ผมไม่ได้มีอะไรส่วนตัวกับพลเอกประยุทธ์ โดยส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งใดๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลย แต่เป็นเรื่องของความเชื่อในการทำหน้าที่ และที่มาของพลเอกประยุทธ์ และการดำรงอยู่ของพลเอกประยุทธ์ซึ่งจะแตกต่างจากความเชื่อของผม ผมเชื่อในหลักการประชาธิปไตย แต่พลเอกประยุทธ์เชื่ออีกอย่างหนึ่ง ก็เป็นเสรีภาพของพลเอกประยุทธ์ และขณะเดียวกันก็เป็นเสรีภาพของผมที่จะไม่เห็นด้วยกับพลเอกประยุทธ์
คุณจตุพรพูดมา แสดงว่าท่านประยุทธ์ไม่ใช้หลักการแบบประชาธิปไตยเหรอคะ?
เป็นประชาธิปไตยที่ต่ำกว่าครึ่งใบ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยไม่ใช่เป็นการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ช่วงแรกก็ใช้รถถังยึดอำนาจ แล้วต่อมาผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่ไม่เต็มใบ เพราะฉะนั้นประเทศไทยเราไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามหลักของประชาธิปไตยแม้แต่เพียงวันเดียวตั้งแต่ 9 10 ปีที่ผ่านมาทั้งหมด
มีคนเขาบอกแบบนี้ วันนั้นบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ถ้ารถถังไม่ออกมา คุณพี่ประยุทธ์ไม่ออกมาทุบโต๊ะ บ้านเมืองจะสงบสุขแบบนี้เหรอคะ?
ความเป็นจริง พลเอกประยุทธ์ตั้งใจจะยึดอำนาจตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ผมอยู่ที่อักษะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณก็อยู่ที่ราชดำเนิน ราชประสงค์ ปทุมวัน ห่างไกลกันจำนวนเกือบร่วม 100 กิโล ไม่มีอะไรที่จะกระทบกระทั่ง จนกระทั่งพลเอกประยุทธ์ชวนไปประชุม และก็จับในที่ประชุม แล้วก็ประกาศยึดอำนาจ ดังนั้นเป็นความตั้งใจของพลเอกประยุทธ์ที่ต้องการยึดอำนาจอยู่แล้ว เพียงแต่อ้างเรื่องความขัดแย้งของประชาชน และตัวเองในฐานะผู้รักษาความสงบ จึงเป็นการกล่าวอ้างเพื่อความชอบธรรม ก็สงบราบคาบมาแล้ว 8 9 ปี จนกระทั่งวิเวก โหวงเหวงถึงปัจจุบัน
คุณณัฐวุฒิล่ะ ยังคบกันอยู่ไหมคะ?
เรายังมีคดีร่วมกันอยู่หมายความว่าเจอในเวลาที่ขึ้นศาลกัน ทางการเมืองก็ไปตามความเชื่อของตัวเองนะครับ บางเวลาเราอาจจะเชื่อเหมือนกัน แต่ในความเป็นพี่เป็นน้อง อย่างไรบนสนามต่อสู้ อย่างไรก็ขาดจากกันไม่ได้
จริงไหมคะ มีคนบอกว่าสองคนกับณัฐวุฒิยังไม่รวมตัวกันเป็นเกมการเมือง พอสัมฤทธิ์ผลก็ไปจับมือกัน?
ผมไม่เหมือนพลเอกประยุทธ์ กับพลเอกประวิตร ผมมีจุดยืนของผมชัดเจนนะครับ ดังนั้นสถานการณ์นี้ จะไม่มีวันจะเกิดขึ้น เพราะว่าผมตัดสินใจของผมแล้ว ณัฐวุฒิก็ตัดสินใจของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นในเส้นทางความเชื่อทางการเมืองก็เดินทางเป็นทางคู่ขนาน ไม่มีวันจะไปบรรจบ
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง