รัสเซียแบนอินสตาแกรม หลัง ‘เมต้า’ อนุญาตให้แสดงความเกลียดชังรัสเซีย

รัสเซียแบนอินสตาแกรม หลัง ‘เมต้า’ อนุญาตให้แสดงความเกลียดชังรัสเซีย

รัสเซียแบนอินสตาแกรม ตามรอยเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ หลังจากที่ทาง ‘เมต้า’ อนุญาตให้แสดงความเกลียดชังต่อประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการรัสเซีย ได้ทำการสั่งแบนเว็บไซต์ อินสตาแกรม สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังและเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศรัสเซีย หลังจากบริษัท เมต้า ได้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้ข้อความเกลียดชังต่อรัสเซียได้บนสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการจำกัดเข้าถึงสื่อรัสเซีย

ซึ่งทางการรัสเซียได้แถลงเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทางการรัสเซียจะเริ่มกระบวนในการจัดหมวดหมู่ว่า บริษัทเมต้า เป็นองค์กรของกลุ่มหัวรุนแรง

ก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียได้แบนเฟซบุ๊กรวมถึงทวิตเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งสองเว็บไซต์ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรและตอบโต้ทางการรัสเซียที่ส่งกองทัพเข้ารุกรานประเทศยูเครน  โดยขณะนี้สงครามได้ดำเนินมานาน 18 วันแล้ว

ปธน. โจ ไบเดน ได้ลงนามคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ดำเนินการศึกษาในด้านของ Cryptocurrencies และพิจารณาถึงการสร้าง US Digital Dollar เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ดำเนินการลงนามชุดคำสั่งการโดยให้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมใน Cryptocurrencies ทั้งในด้านของความเสี่ยง และโอกาส/ผลประโยชน์ของมัน นอกจากนี้แล้วยังได้รวมไปถึงการสร้าง US Digital Dollar อย่างเป็นทางการด้วย

อ้างอิงจากเอกสารของทางทำเนียบขาวแล้วนั้น รัฐบาลของไบเดน ได้มองถึงการได้รับความสนใจของสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็น “โอกาสที่จะเสริมความเป็นผู้นำในด้านระบบเศรษฐกิจระดับโลก และการบุกเบิกเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา” แต่ทว่าก็ยังคงมีความกังวลใน Cryptocurrencies ปนอยู่ด้วย “ยังรวมไปถึงนัยสำคัญในส่วนของการปกป้องผู้บริโภค, ความมั่นคงทางการเงิน, ความปลอดภัยของชาติ และความเสี่ยงทางด้านสภาพแวดล้อม”

โดยภายในเอกสารดังกล่าวนั้นยังได้มีการแนะนำให้มีการพิจารณานโยบายที่มีไว้เพื่อป้องกันประเทศจากการกระทำที่มีผิดปกติ และความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของชาติที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างทั่วทั้งประเทศเพื่อผลักดันการแข่งขัน และความเป็นผู้นำในด้านนี้ อีกทั้งความเป็นไปได้ในการสร้าง U.S. CBDC ขึ้นมา

ซึ่งบรรดาบริษัท และนักลงทุนทางด้าน Crypto นั้น ก็ได้มองว่าการดำเนินการดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความหวัง โดยพวกเขานั้นก็ยินดีพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ และทางกฎหมายในด้านนี้

สถานทูตยูเครนในไทย เผย ยอดเงินบริจาคช่วยยูเครน ทะลุ 5 ล้านบาท

สถานทูตยูเครนในประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึง ยอดเงินบริจาคช่วยยูเครน ว่ามีประชาชนบริจาคแล้วมากกว่า 5 ล้านบาท สถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยได้ออกมาเปิดเผยยอดบริจาคช่วยประเทศยูเครนที่ถูกรุกรานโดยกองทัพรัสเซียว่าในขณะนี้ได้มีประชาชนในประเทศไทยบริจาคเงินให้กับทางสถานทูตแล้วเป็นเงิน 5,306,750.00 บาท

โดยจำนวนเม็ดเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมในยูเครน และทางสถานทูตได้ทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีพิเศษแล้ว ทั้งนี้ ทางสถานทูตยังเปิดบัญชีสำหรับประชาชนที่สนใจสามารถบริจาค โดยสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ เลขบัญชี 911-3-00456-9

ขณะที่ กระทรวงต่างประเทศ ได้ทำการอนุมัติ เงินช่วยเหลือยูเครน ที่ตอนนี้กำลังเผชิญสงคราม เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท เพื่อให้เอาไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ศาลในประเทศอังกฤษตัดสินจำคุก ผู้ช่วยครูสาว เป็นระยะเวลา 6 ปี หลังจากที่เธอ หลับนอนกับนักเรียน อายุเพียงแค่ 14 ปี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า ศาลในประเทศอังกฤษได้ตัดสินจำคุก ฮานนาห์ แฮร์ริส อดีตครูผู้ช่วยสาว วัย 23 ปี เป็นระยะเวลา 6 ปีหลังจากที่เธอได้มีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนชายวัย 14 ปี ตั้งแต่ปี 2562

ซึ่ง แฮร์ริส สารภาพว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเด็กชายรายดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เธอตอบข้อความในอินสตาแกรมที่เขาส่งมาหาเธอ หลังจากนั้น ทั้งสองก็ได้พูดคุยกันจนสนิทสนมใกล้ชิด ถึงขั้นนัดออกไปเจอกันข้างนอกโรงเรียน ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันในลานจอดรถของซุเปอร์มาร์เก็ต

โดยผู้ต้องหาได้ออกอุบายว่าตนเป็นแม่ของแฟนสาวที่ไม่มีตัวตนของเหยื่อ และระบุกับพ่อแม่เหยื่อว่าเธอพร้อมที่จะขับรถส่งเหยื่อและแฟนในจินตนาการ เพื่อไม่ให้ครอบครัวเอะใจ

อย่างไรก็ตามความก็มาแตก หลังพี่ชายของเด็กหนุ่มจับได้ว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น และทำให้เด็กชายต้องสารภาพกับทางครอบครัว จนนำไปสู่การแจ้งความจับกุมในที่สุด ซึ่งทางอัยการได้ให้สัมภาษณ์ถึงคดีดังกล่าวว่า การเป็นครูผู้ช่วยนั้น เธอต้องรู้ถึงอายุเหยื่ออยู่แล้ว และการกระทำของเธอนับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าฝั่งเด็กชายจะสมยอมหรือไม่ก็ตาม

นอกจากเธอจะถูกศาลตัดสินจำคุกแล้ว เธอยังถูกบันทึกลงฐานข้อมูลว่าเธอเป็น บุคคลที่เคยก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศและห้ามเธอทำงานกับเด็กตลอดชีวิต

ประเทศไทยได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด-19 โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานสากล ไปแล้ว 375,453 ตัวอย่าง คิดเป็น 5,637 ตัวอย่างต่อประชากรหนึ่งล้านคน ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น